ตามหาชีวิตที่น่าพึงพอใจทางวิญญาณหลังเลิกเรียนนักดนตรี Tina Malia จึงย้ายไปที่เมืองแฟร์แฟกซ์แคลิฟอร์เนียเมืองศิลปะทางเหนือของซานฟรานซิสโกและเริ่มเข้าร่วมคอนเสิร์ตดนตรีศักดิ์สิทธิ์ บางสิ่งในพิธีกรรมและการสวดมนต์ทำให้เธอน้ำตาไหลและทำให้เธอกลับมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
ในที่สุดเธอก็เริ่มทดลองดนตรีด้วยตัวเอง วันหนึ่งเพื่อนและเพื่อนนักดนตรีใจอุตตอลชวนเธอไปร้องเพลงแบ็คอัพในวงดนตรีของเขา Pagan Love Orchestra ซึ่งผสมผสานมนต์บทสวดมนต์เข้ากับดนตรีร็อคเร้กเก้แจ๊สและดนตรีแอฟริกัน มาเลียเพิ่มโอกาสที่จะเล่นและร้องเพลงเสียงและคำพูดอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ซึ่งเชื่อโดยผู้ฝึกว่าจะเปลี่ยนสภาพจิตใจและยกระดับจิตสำนึก
ลองใช้ Prajna Paramita Malas Mala Prosperity Hand Knotted 108 Bead ลูกปัดอธิษฐาน
“ ฉันชอบพยางค์และวิธีที่พวกมันกลิ้งเข้าปาก แต่ฉันยังไม่รู้ว่าฉันจะต้องใช้มันมากแค่ไหน” มาเลียกล่าว แม้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จในฐานะนักดนตรีและรายล้อมไปด้วยเพื่อนรัก แต่มาเลียก็จมดิ่งสู่ภาวะซึมเศร้าอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเป็นความเจ็บป่วยที่เธอต่อสู้มาตลอดตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น
เมื่ออายุยี่สิบปีรู้สึกสูญเสียและโดดเดี่ยวในโลกอีกครั้งเธอถูกความคิดเชิงลบปิดกั้นและคิดว่าจะเอาชีวิตของตัวเอง “ มันเหมือนกับว่าฉันกำลังตกลงไปในหลุมนี้” มาเลียตอนนี้อายุ 40 ปีกล่าว ไม่มีสิ่งใดที่เธอเข้าใจเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเธอไม่ว่าจะเป็นอาหารเซ็กส์ภาพยนตร์แอลกอฮอล์หรือแม้แต่หนังสือเกี่ยวกับจิตวิญญาณ - ให้อะไรกับเธอได้มากไปกว่าการแก้ไขที่รวดเร็วและหายวับไป
อ่าน Mantra Meditation: เปลี่ยนกรรมของคุณด้วยพลังแห่งเสียงอันศักดิ์สิทธิ์
Uttal พยานการต่อสู้ของเธอเสนอให้เธอเครื่องมือที่เขาคิดว่าจะช่วยให้เธอจัดการกับภาวะซึมเศร้าการปฏิบัติที่เรียกว่าJapaซึ่งในมนต์ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างเงียบ ๆ หรือออกมาดัง ๆ เช่นการเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการสตริงของลูกปัด (หรือ Mala) ผ่าน นิ้วของพวกเขา
มนต์ที่อุตทาลแนะนำคือรามซึ่งสามารถตีความได้ว่า "ไฟภายในที่เผาผลาญสิ่งสกปรกและกรรมไม่ดีออกไป" ในเวลานั้นมาเลียพูดว่าเธอไม่เข้าใจความหมายของมนต์อย่างเต็มที่ เธอแค่ต้องการการบรรเทาจากความสิ้นหวังของเธอและเธอก็เต็มใจที่จะลองทุกอย่าง
ดู หลักโยคะ 13 มนต์เพื่อจดจำ
หลังจากเกือบสองสัปดาห์ในการท่องRamอย่างเงียบ ๆเป็นเวลาหลายนาที (และบางครั้งเป็นชั่วโมง) ในแต่ละวันมาเลียเริ่มพบกับความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
“ สิ่งที่ดูเหมือนเป็นจุดเล็ก ๆ แห่งความโล่งใจเพียงเล็กน้อย - ขยายตัวและเติบโตขึ้นพร้อมกับการสวดมนต์ทุกครั้ง” เธอกล่าว ในขณะที่เธอเริ่มแยกตัวตนที่แท้จริงและลึกซึ้งออกจากความคิดของเธอเธอก็ค่อย ๆ หยุดแสดงออกในแง่ลบ “ ความรู้สึกทั้งหมดนี้ของการไม่คู่ควรโดดเดี่ยวและไม่มีจุดมุ่งหมายบนโลกเป็นเพียงความคิด” เธอกล่าว “ เมื่อฉันให้ความสำคัญกับบางสิ่งบางอย่างนอกเหนือจากความคิดของฉันมันทำให้ฉันโล่งใจ” หลังจากหกเดือนของการฝึกฝน japa ทุกวัน Malia บอกว่าเธอสามารถเข้าถึงความสุขที่แท้จริงที่อยู่ภายในตัวเธอได้ “ ในระยะสั้นมนต์ทำให้ฉันมีชีวิตอีกครั้ง” เธอกล่าว
ดู ผู้นำด้วยใจของคุณด้วย: วิธีฝึกภักติโยคะ
ผลกระทบทางระบบประสาทของ Mantra ต่อสมองของคุณ
มาเลียได้แตะสิ่งที่โยคีรู้จักมานานหลายพันปี: มนต์ไม่ว่าจะสวดมนต์กระซิบหรือท่องเงียบ ๆ เป็นเครื่องมือในการทำสมาธิและบำบัดที่ทรงพลัง วิทยาศาสตร์ตะวันตกเท่านั้นที่ตอนนี้เริ่มตามทัน
นักประสาทวิทยาซึ่งติดตั้งเครื่องมือสร้างภาพสมองขั้นสูงกำลังเริ่มหาจำนวนและยืนยันประโยชน์ต่อสุขภาพบางประการของการฝึกฝนในสมัยโบราณนี้เช่นความสามารถในการช่วยปลดปล่อยจิตใจของคุณจากการพูดพล่อยพื้นหลังและทำให้ระบบประสาทของคุณสงบลง ในการศึกษาหนึ่งที่เพิ่งตีพิมพ์ในJournal of Cognitive EnhancementนักวิจัยจากLinköping University ในสวีเดนได้ทำการวัดกิจกรรมในส่วนของสมองที่เรียกว่าเครือข่ายโหมดเริ่มต้นซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทำงานระหว่างการไตร่ตรองตนเองและการหลงทางจิตใจเพื่อพิจารณาว่าการฝึก การทำสมาธิมนต์มีผลต่อสมอง จากมุมมองด้านสุขภาพจิตเครือข่ายโหมดเริ่มต้นที่โอ้อวดอาจหมายความว่าสมองถูกฟุ้งซ่าน - ไม่สงบหรืออยู่กึ่งกลาง
ลองใช้ Lotuscrafts Zafu Meditation Cushion
นักวิจัยที่อยู่เบื้องหลังการศึกษาของLinköping University ขอให้กลุ่มวิชาเข้าร่วมหลักสูตร Kundalini Yoga สองสัปดาห์ซึ่งรวมถึงหกครั้ง 90 นาทีตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ แต่ละเซสชั่นเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายโยคะ (อาสนะและการหายใจ) และจบด้วยการทำสมาธิโดยใช้มนต์ 11 นาที ผู้เข้าร่วมการทดลองท่องมนต์ตราเสาร์ (แปลโดยประมาณว่า“ ตัวตนที่แท้จริง”) ในขณะที่วางมือบนหัวใจของพวกเขา
กลุ่มเดียวกันนี้ยังมีเงื่อนไขการควบคุมการแตะด้วยนิ้วซึ่งพวกเขาได้รับคำสั่งให้ทำการกดปุ่มแบบช้าๆบนปุ่มกดสี่ปุ่ม
ดู คู่มือเริ่มต้นสำหรับบทฝึกโยคะทั่วไป
เครือข่ายโหมดเริ่มต้นของอาสาสมัครถูกระงับในระหว่างการทำสมาธิด้วยมนต์มากกว่าในระหว่างการออกกำลังกายด้วยการแตะนิ้วและการปราบปรามเพิ่มขึ้นเมื่อการฝึกมนต์เพิ่มขึ้น “ การศึกษาชี้ให้เห็นว่าการฝึกมนต์สามารถลดการรบกวน [เครือข่ายโหมดเริ่มต้น] ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการแตะไปตามจังหวะ "Rozalyn Simon, PhD ผู้เขียนการศึกษากล่าว
ผลการวิจัยเช่นนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามนต์เป็นเทคนิคการช่วยชีวิต แต่อย่างที่มาเลียรู้ดีเมื่อเรามองเห็นความคิดที่แตกฉานของเราเราสามารถถูกชักนำไปสู่ช่องว่างเชิงลบได้อย่างง่ายดายห่างจากธรรมชาติที่แท้จริงและผ่อนคลาย ในความเป็นจริงการวิจัยชี้ให้เห็นว่าไม่สำคัญว่าคุณจะท่องมนต์ภาษาสันสกฤตโบราณเช่นวันเสาร์หรือคำอธิษฐานของพระเจ้าหรือเสียงคำหรือวลีใด ๆ ก็ตามตราบใดที่คุณพูดซ้ำบางอย่างโดยมีสมาธิจดจ่อคุณจะ ได้รับผลลัพธ์
ฟัง Grace
ตั้งแต่ปี 1970 Herbert Benson ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ที่ Harvard Medical School และผู้ก่อตั้ง Benson-Henry Institute for Mind Body Medicine ที่ Massachusetts General Hospital ได้ทำการวิจัยว่าการทำสมาธิและการสวดมนต์สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจและร่างกายได้อย่างไร เขาสนใจเป็นพิเศษในสิ่งที่ทำให้เกิดสภาวะเข้าฌานซึ่งเขาเรียกว่า "การตอบสนองต่อการผ่อนคลาย" เบ็นสันได้ทดลองวิชาที่ใช้มนต์ภาษาสันสกฤตซ้ำ ๆ และคำที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาเช่น“ one” เขาพบว่าไม่ว่าผู้ประกอบวิชาชีพจะพูดซ้ำคำหรือวลีใดก็มีผลเกือบเหมือนกันนั่นคือการผ่อนคลายและความสามารถในการรับมือกับความเครียดที่ไม่คาดคิดในชีวิตได้ดีขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยและสถาบันหลายแห่งได้ใช้เครื่องมือสร้างภาพสมองที่ทันสมัยเพื่อให้ได้ข้อสรุปแบบเดียวกับ Benson ผลการศึกษาในปี 2015 จากนักวิจัยในอิสราเอลพบว่าคนที่พูดซ้ำคำว่าechad (“ one” ในภาษาฮีบรู) เงียบ ๆ จะมีอาการจิตใจสงบโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปิดใช้งานเครือข่ายโหมดเริ่มต้นที่ใช้งานอยู่ในสมอง “ เมื่อผู้คนพูดว่า 'หนึ่งหนึ่งหนึ่ง' ทุกสิ่งที่เคยทำงานในระหว่างสถานะพักในเครือข่ายโหมดเริ่มต้นถูกปิดลง "Aviva Berkovich-Ohana นักประสาทวิทยาจาก Department of Education ของมหาวิทยาลัยไฮฟากล่าว “ ผู้ทดลองรายงานว่ารู้สึกผ่อนคลายและมีความคิดน้อยลง”
ดู Intro to Chanting, Mantra และ Japa
รากแห่งมนต์: ประวัติและความหมาย
ในการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของมนต์การดูคำแปลจะเป็นประโยชน์ คำมนต์มาจากภาษาสันสกฤตสอง words- มนัส (ใจ) และtra (เครื่องมือ) Mantra แปลว่า“ เครื่องมือสำหรับจิตใจ” อย่างแท้จริงและได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าถึงพลังที่สูงขึ้นและธรรมชาติที่แท้จริงของพวกเขา “ มันตราคือการสั่นสะเทือนของเสียงที่เรามุ่งเน้นไปที่ความคิดความรู้สึกและความตั้งใจสูงสุดของเรา” ศิลปินเพลง Girish ผู้แต่งเพลงและมนต์: โยคะแห่งการร้องเพลงอย่างมีสติเพื่อสุขภาพความสุขความสงบและความเจริญรุ่งเรืองกล่าว เมื่อเวลาผ่านไปที่อ่างล้างมือสั่นสะเทือนลึกและลึกลงไปในจิตสำนึกของคุณช่วยให้คุณในที่สุดก็รู้สึกว่าการแสดงตนเป็นShaktiแซลลีเคมป์ตันครูสอนสมาธิและผู้เขียนสมาธิเพื่อความรักของมันกล่าวว่า - พลังที่มีพลังและละเอียดอ่อนในการทำงานภายในเราแต่ละคนซึ่งนำพาเราไปสู่สภาวะการรับรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นแซลลีเคมป์ตันครูสอนสมาธิและผู้เขียนการทำสมาธิเพื่อความรักของมันกล่าว: เพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่ลึกที่สุดของคุณเอง
หนึ่งในมนต์ท่องมากที่สุดในระดับสากลเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูพยางค์อั้ม -considered จะเป็นเสียงของการสร้างจักรวาลเชื่อกันว่าอั้ม (ปกติสะกดว่าโอม ) มีการสั่นสะเทือนทุกอย่างที่เคยมีมา - หรือจะมีอยู่ในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นรากเหง้าอันทรงพลังของมนต์อื่น ๆ ที่ยาวกว่าเช่นOm namah shivaya (“ ฉันคำนับพระศิวะ” - พระศิวะเป็นตัวตนภายในหรือความจริงแท้) และOm mani padme hum (ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วหมายถึง“ อัญมณีแห่งดอกบัว ” และได้รับการตีความว่า“ ด้วยการฝึกฝนเส้นทางที่รวมวิธีการและภูมิปัญญาเข้าด้วยกันคุณจะสามารถเปลี่ยนเป็นกายวาจาและใจที่บริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าได้”)
บทสวดมนต์ของชาวฮินดูที่เป็นที่นิยมเหล่านี้เป็นภาษาสันสกฤต แต่มนต์มีรากฐานที่ลึกซึ้งในประเพณีทางจิตวิญญาณที่สำคัญทุกแห่งและสามารถพบได้ในหลายภาษารวมถึงฮินดีฮิบรูละตินและอังกฤษ ยกตัวอย่างเช่นมนต์ที่นิยมสำหรับชาวคริสต์เป็นเพียงชื่อพระเยซูขณะคาทอลิกทั่วไปซ้ำพระแม่มารีย์สวดมนต์หรือAve Maria ชาวยิวหลายคนท่องBarukh atah Adonai (“ สาธุท่านโอ้พระเจ้า”); ในขณะที่ชาวมุสลิมเรียกชื่ออัลเลาะห์ซ้ำเหมือนต้องมนต์
ดู 5 การปลุกตัวเองและเสริมพลัง Mudras และ Mantras
วิธีการเริ่มการฝึก Mantra
แล้วคุณจะเริ่มค้นหามนต์ได้อย่างไร? ในการฝึกปฏิบัติบางอย่างเช่นการทำสมาธิแบบล่วงพ้นนักเรียนจะจ้างและเรียนกับผู้ฝึกมนต์และผู้นำการทำสมาธิเพื่อเรียนรู้และรับบทสวดเฉพาะบุคคล แต่มีหลายวิธีในการฝึกมนต์โดยอิสระและไม่มีค่าใช้จ่าย
ดูคู่มือเริ่มต้นสำหรับบทสวดมนต์ทั่วไป
ความสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญเคมป์ตันกล่าวโดยไม่คำนึงถึงมนต์ที่คุณเลือก “ คุณทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นด้วยการฝึกฝนเป็นประจำในช่วงเวลาหนึ่ง - หลายเดือนหรือหลายปี” เธอพูดว่า. “ มันเหมือนกับการเอาหินเหล็กไฟถูกับหินเพื่อฟาดไฟ แรงเสียดทานของพยางค์ในจิตสำนึกของคุณการมุ่งเน้นที่จะพาตัวเองกลับไปสู่มนต์ครั้งแล้วครั้งเล่าและโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสนใจที่คุณมอบให้กับความรู้สึกของเสียงสะท้อนของมนต์ในการรับรู้ของคุณจะเปิดพลังงานในมนต์ออกมาในที่สุดและมัน จะหยุดเป็นเพียงแค่คำพูดและกลายเป็นพลังงานในการดำรงชีวิตที่คุณจะรู้สึกเปลี่ยนสภาพภายในของคุณ”
หากคุณสนใจที่จะผสมผสานการฝึกที่ใช้มนต์เข้ากับกิจวัตรของโยคะและการทำสมาธิให้เริ่มด้วยการขอให้ครูแนะนำมนต์ให้คุณลองทำ
ดู หลักโยคะ 13 มนต์เพื่อจดจำ
อาจารย์สอนมนต์และการทำสมาธิแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการนอนราบหรือนั่งในท่าที่สบายและทำมนต์ซ้ำอย่างเงียบ ๆ เมื่อหายใจเข้าหนึ่งครั้งเมื่อหายใจออก อย่าซ่อมมัน (คุณจะรู้ว่าคิ้วเริ่มขมวด) เมื่อความคิดหรือความรู้สึกเข้ามาในใจของคุณให้พยายามสังเกตสิ่งเหล่านั้นจากนั้นกลับไปท่องมนต์เงียบ ๆ ดูว่าคุณสามารถจัดสรรเวลา 10 ถึง 20 นาทีต่อวันเพื่อฝึกซ้อมได้หรือไม่ ประเพณีหลายอย่างแนะนำให้อยู่กับมนต์หนึ่งบทเป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้มนต์อื่นเพื่อฝึกฝนการปฏิบัติของคุณให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและปลูกฝังความรู้สึกสบายใจการมีอยู่และความสงบสุข
“ ในฐานะผู้เริ่มต้นหรือผู้ปฏิบัติงานระดับกลางสิ่งสำคัญคืออย่าคิดว่าคุณมีพลังที่จะทำให้มนต์มีชีวิตชีวาผ่านความคิดหรือการรับรู้” เคมป์ตันกล่าว “ คุณต้องฝึกฝนบ่อยๆสักพักก่อนที่มนต์จะเปิดให้คุณ”
ปีที่ผ่านมาเป็นของเธอปฏิบัติสวดมนต์จิตวิญญาณ Malia สินเชื่อที่ภาษาสันสกฤตมนต์Ramกับการประหยัดชีวิตของเธอมีประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งกับมนต์ “ เกือบจะเหมือนกับว่ามนต์เหล่านี้เริ่มให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อนของคุณ - แม้แต่คนรัก” เธอกล่าว ในขณะที่เธอเดินทางไปทั่วโลกในการแสดงดนตรีศักดิ์สิทธิ์และเทศกาลโยคะเธอแบ่งปันความรักในมนต์และผลการรักษาของเธอ “ บางครั้งฉันหวังว่าฉันจะได้ยืนอยู่บนยอดตึกและตะโกนให้โลกรู้ว่ามันตราฟรี! ไม่มีผลข้างเคียง! มันง่ายและสะดวกมาก!”
ดู บทสวด 101: 6 สิ่งที่ควรรู้หากคุณไม่“ รับ” Kirtan
โปรดทราบว่าเราจัดหาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เรานำเสนอบน yogajournal.com โดยอิสระ หากคุณซื้อจากลิงก์ในเว็บไซต์ของเราเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นพันธมิตรซึ่งจะสนับสนุนการทำงานของเรา
